“เอล กลาสิโก้” เป็นการขนามนามเกมการพบกันระหว่าง บาร์เซโลน่า และ เรอัล มาดริด ซึ่งคอบอลพันธุ์แท้ต่างรู้ดีว่า ฟุตบอลนัดนี้ ไม่ได้มีแต่การเดิมพันแพ้ – ชนะ ในเกมท่านั้น แต่เป็นการเดิมพันด้วยชาติกำเนิด การเมือง วัฒนธรรม และประเพณี
ซึ่งในอดีตทีม บาร์เซโลน่า เป็นชื่อเมืองหลวงของแคว้น กาตาลุนย่า ซึ่งเป็นศัตรูกับแคว้น กาสตีย่า ที่มี มาดริดเป็นเมืองหลวง ทั้ง 2 เมืองต่างหั้มหั่นกันทุกเรื่องมาโดยตลอด จนกระทั่งยุคของนายพลฟรานซิสโก้ ฟรังโก้ อดีตผู้นำเผด็จการของสเปน ได้มีนโยบาย “สเปนหนึ่งเดียว” ได้รวบรวมแค้วนต่างให้กลายเป็น สเปน โดยวางให้แคว้นกาสตีย่า ที่มี มาดริด เป็นใจกลางแคว้น เป็นเมืองหลวงของสเปน จึงทำให้เกิดการแบ่งแยกทางชาติพันธุ์ ภาษา การเมือง วัฒนธรรม และประเพณี ที่เป็นเรื่องละเอียดของภายของคนในแคว้น
ปัจจุบันทั้ง 2 ทีม ต่างก็ยังเป็นศัตรูกันในศึกลูกหนังเท่านั้น โดยทั้งทีมเจอกันในรายการต่าง ๆ มากมาย แต่ “เอล กลาสิโก้” เป็นศึกที่ให้เพียงแค่ 2 ทีมได้หั้มหั่นฟาดแข้งเพื่อชิงความเป็นที่ 1 ของสเปน โดยสถิติของทั่ง 2 ทีมที่เจอกันถึง 230 นัด จากทุกรายการ ทีมมาดริด ชนะไป 92 นัด ส่วนทางบาร์ซ่า ชนะไป 90 นัด และทั้ง 2 ทีมมีผลเสมอกันถึง 48 นัด โดยบาร์เซโลนา เคยแพ้ติดต่อกันสูงสุดถึง 3 นัดตลอด 10 ปี และเรอัล มาดริด ก็เคยแพ้ติดต่อกันถึง 10 นัด ตลอด 4 ปี
แต่ถ้านับผลงานจากการยังประตู มาดริดยิงไป 388 ประตู ส่วนทาง บาร์ซ่า ยิงไป 375 ประตู
ซึ่งทั้งผลแพ้ชนะ และผลงานการยิงประตู ถ้าดู ๆ แล้วทั้ง 2 ทีมก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่